ช็อกวงการบันเทิง! สั่งยุบ GTH ผู้บริหารขัดแย้ง แยกย้ายเปิดค่ายใหม่
- ️Fri Nov 13 2015
ผู้บริหารจีทีเอช ประกาศยุบบริษัท เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน ส่วนเรื่องค่าชดเชยให้กับพนักงานได้แจ้งไว้แล้วและจะจ่ายให้ คาดเดือน ธ.ค. จินา หนึ่งในผู้บริหารจะเปิดบริษัทใหม่...

วันนี้เมื่อเวลา 13.00 น. ทีมผู้บริหาร ซึ่งประกอบไปด้วย บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) วิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บ.จีเอ็มเอ็ม ไทหับ จำกัด (จีทีเอช) จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม จิระ มะลิกุล โปรดิวเซอร์ และ ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประกาศยุบจีทีเอช เนื่องจากความคิดเห็นในการบริหารงานไม่ตรงกัน โดยมีผล 31 ธ.ค.นี้ ในส่วนของเรื่องค่าชดเชย เงินโบนัส ทางผู้บริหารได้แจ้งกับพนักงานแล้วว่าจะจ่ายให้ โดยแจ้งกับพนักงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ทางบริษัท ไท เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ อยากให้บริษัทเข้าตลาดหุ้น แต่ทางหับ โห้ หิ้น ฟิล์ม ไม่ต้องการ เพราะคิดว่าบริษัทไม่พร้อม เลยทำให้เกิดความแตกต่างทางความคิดในการบริหารงานก็เลยตัดสินใจยุบบริษัท ซึ่งทาง จินา จะแถลงข่าวเปิดบริษัทใหม่ ในเดือนธันวาคม และต่างคนต่างเปิดบริษัทใหม่ของตัวเอง ส่วนเรื่องละครและรายการอื่นๆ ทางแกรมมี่จะดูแลต่อ ดำเนินการในส่วนของตัวเอง ทำหนังทำละครต่อไป พร้อมกับยืนยันว่ายังเป็นพันธมิตรที่ดี ไม่มีปัญหาเรื่องนักแสดงและผู้กำกับ
โดยในเว็บไซน์ gth.co.th ได้ประกาศยืนยันอย่างชัดเจนว่า
"ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านทั้ง แฟนๆ บริษัทคู่ค้า ตลอดจนนักแสดงและศิลปินต่างๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและช่วยขับเคลื่อนเราตลอดมา จุดเริ่มต้นของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) มาจากการรวมตัวของ 3 บริษัท คือ บริษัท แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไท เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก จำกัด ตลอดระยะ 11 ปีที่ผ่านมา ได้ร่วมกันบริหารและสร้างผลงานในนามบริษัท GTH ที่ทุกคนรู้จักมากมาย อาทิ ภาพยนตร์ พี่มากพระโขนง, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้, รถไฟฟ้ามาหานะเธอ, ละครซีรีส์ ฮอร์โมน ฯลฯ
จนเมื่อสักระยะเวลาที่ผ่านมาแนวทางการบริหารงานจากผู้ก่อตั้งจาก 3 บริษัทมีเป้าหมายและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไท เอนเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มเงินทุนในการพัฒนาโปรเจกต์ให้ใหญ่และหลากหลายมากขึ้น ทาง หับ โห้ หิ้น บางกอก เห็นว่าบริษัทยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าตลาดฯในช่วง 1-3 ปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังคงเน้นการผลิตผลงานที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพ และใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำงาน การเข้าตลาดฯตอนนี้อาจทำให้เกิดภาวะกดดันที่ลดทอนความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพของผลงาน สำหรับ GMM Grammy มองเห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปในทั้ง 2 ทิศทาง และพร้อมที่จะรับแนวทางที่ผู้ร่วมหุ้นทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ จากการที่ทุกฝ่ายพยายามพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออกมานานพอสมควร และยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการวางเป้าหมายบริษัทร่วมกันได้ จึงเห็นตรงกันว่าหากยังจะดำเนินงานต่อโดยไม่สามารถหาข้อสรุปได้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อไปกับทุกฝ่าย บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) จึงตัดสินใจร่วมกันขอยุติการดำเนินงานของบริษัทฯลง โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 เป็นต้นไป
สำหรับผลงานที่ผ่านมาทั้งภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนาม บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด (GTH) ทั้ง 3 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตัวแทนในการบริหารสิทธิ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับผลงานที่ทางบริษัทฯกำลังดำเนินการผลิตอยู่นั้น ทางบริษัทฯจะดำเนินการผลิตต่อและนำออกเผยแพร่ในปี 2559 ในนามของบริษัทฯจนเสร็จสิ้น
ขอบคุณที่รักกันมาตลอด
บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด
13 พฤศจิกายน 2558"

โดย เล็ก บุษบา ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า "วันนี้เรามีความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทจีทีเอชค่ะ ขอเท้าความเล็กน้อยว่าบริษัทจีทีเอชเป็นบริษัทร่วมทุนกัน ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 3 ฝ่าย จี คือ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ที, คือ ไท เอ็นเตอร์เทนเม้นต์, เอช คือ หับ โห้ หิ้น บางกอก เราดำเนินการจดทะเบียนบริษัทมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 11 ปีแล้วนะคะ ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เราทุกคนได้ช่วยสร้างบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาจนมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ ได้รับการต้อนรับจากผู้ชมเป็นอย่างดียิ่งค่ะ ซึ่งในการทำงานตลอดเวลาเราจะมีการทบทวนทิศทางการประกอบธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ในกลางปีที่ผ่านมา เราได้มีการพูดคุยกันถึงทิศทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งทางไท เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ มีความเห็นว่าต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ทางหับ โห้ หิ้น บางกอก เห็นว่าบริษัทยังไม่พร้อมที่จะเข้าตลาดในช่วงระยะ 1-3 ปีนี้ สำหรับทางจีเอ็มเอ็มแกรมมี่แล้วก็เห็นข้อดีของการพัฒนาบริษัทไปใน 2 ทิศทาง แต่เมื่อผู้ถือหุ้นมีเป้าหมายที่ไม่ตรงกัน เราก็มองว่าอาจจะนำมาซึ่งปัญหาในการบริหารจัดการและจะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม เราคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้ง 3 ฝ่าย เราก็เลยมองเห็นว่าเมื่อความเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ตัดสินใจยุติการดำเนินงานของบริษัทจีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือจีทีเอช โดยจะมีผลในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ซึ่งในการตัดสินใจยุติการดำเนินงานครั้งนี้ สิ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญที่สุดคือพนักงานของบริษัท ซึ่งเราถือเป็นความสำคัญอันดับแรก เราจึงได้มีการประชุมบริษัท เพื่อชี้แจงกับพนักงานไปแล้วเมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 2558) ซึ่งทางบริษัทจะดูแลเรื่องการจ่ายโบนัส ค่าชดเชยตามหลักกฎหมายทุกอย่าง ส่วนนักแสดงที่มีสัญญาผูกพันกับบริษัท เราก็ได้มีการพูดคุยให้ทุกคนรับทราบ และนักแสดงทุกคนสามารถตัดสินใจในเรื่องสัญญาได้ตามต้องการ สำหรับสิทธิ์ในการบริหารจัดการภาพยนตร์และละครที่ผลิตในนามจีทีเอชที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะให้ทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นผู้บริหารจัดการสิทธิ์ โดยจะมีการแต่งตั้งผู้มีอำนาจในการบริหารสิทธิ์อีกครั้งนะคะ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะเรียนให้ทราบในวันนี้ค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือขอบคุณพนักงานทุกคนนะคะที่ได้ช่วยสร้างสรรค์งาน ผู้กำกับ นักแสดง คู่ค้า สำคัญที่สุดคือผู้ที่สนับสนุนผลงานของจีทีเอชมาโดยตลอด ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านด้วยนะคะที่วันนี้มาช่วยกันทำข่าวความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเรา"

วิสูตร "คือในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ผมก็คงต้องเรียนว่าผมมีอาชีพทำหนัง ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ผมก็ทำอาชีพเดียวคือการสร้างภาพยนตร์ตั้งแต่ตอนเป็นไท เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จนถึงจีทีเอช ฉะนั้นถามว่าถ้าจากจุดนี้แล้ว ตอนนี้เมื่อเรามองกันคนละทาง ต่างคนต่างเดิน แล้วเราจะทำอะไรกัน ผมก็คิดว่าผมคงจะไปสร้างภาพยนตร์ต่อ คงไปเปิดบริษัท คงอยากเห็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตเจริญไปข้างหน้านะครับ เพราะจริงๆ ผมคิดว่าในวงการภาพยนตร์มันยังมีอะไรหลายอย่างที่ยังต้องทำอีกเยอะ และผมคิดว่าที่ผ่านมาในรอบ 11 ปี เราก็ได้ฝากผลงานที่ดีไว้มากมายนะครับ รวมทั้งผู้คนที่มีฝีมือ นักแสดงที่ผมคิดว่ายังสามารถที่จะไปต่อไปได้อีกมากครับ เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากให้มองภาพว่าเวลานี้เปรียบเสมือนขบวนรถไฟที่ชื่อว่าจีทีเอชมาสิ้นสุดที่สถานีนี้ แต่มันไม่ได้จบแค่นี้ คือมันยังมีอีกหลายเส้นทางที่จะเดินต่อไปนะครับ ถ้ามองโลกในแง่ดีก็อาจจะมีบริษัทจีทีเอชก่อเกิดขึ้นใหม่อีก 3-4 บริษัท กลายเป็นว่าหนังไทยอาจจะเติบโตขึ้นอีกมากจากจุดนี้ ผมมองว่าอย่างนั้น ซึ่งผมคิดว่าอันนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยครับ"

เก้ง จิระ "ก็ได้เข้ามาทำหนังไทยได้ 11 ปี จากความที่รักหนังไทยมากอยู่แล้วครับ การได้เข้ามาทำก็ทำให้รู้สึกรักอาชีพนี้มาก ต้องขอบคุณคุณวิสูตรที่ช่วยสอน ช่วยทำให้เราทำหนังในแบบที่แฟนๆ หนังไทยชอบ รัก และติดตาม ทำให้มีผู้กำกับที่เขาพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป ทำให้วงการภาพยนตร์ไทยมีสิ่งใหม่ๆ ครับ ซึ่งผมต้องขอบคุณคนเอาใจช่วย สปอนเซอร์ นักข่าว สื่อมวลชน รายการทีวีต่างๆ ผู้ร่วมลงทุนต่างๆ ที่ช่วยทำให้ 11 ปีนี้ของคนดูหนังไทยรู้สึกคึกคักและมีความหวังครับ สำหรับผมคงคล้ายคุณวิสูตรคือรู้สึกว่าผมรักในอาชีพทำหนัง รู้สึกว่ามิชชั่นยังไม่สิ้นสุดนะครับ ผมยังอยากทำต่อ รวมทั้งผู้กำกับ นักแสดง ก็ชวนๆ กันไปครับ คิดว่าอย่างที่วิสูตรว่าครับว่ามันคือสิ่งที่ดี 31 ธ.ค. ตอนนี้จีทีเอชไม่มีหนังแล้วครับ มันก็เลยคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเริ่มปีใหม่ ขึ้นศักราชใหม่ของนักทำหนังแต่ละคนครับ"

จินา "ในส่วนของคนที่รักคนทำหนังทั้งสองฝ่าย แต่พอดีในฐานะของหับ โห หิ้น บางกอก ทำงานกับพี่เก้งมา 24 ปี ถ้าพี่เก้งยังอยากทำหนังที่ดีอยู่ จินาในฐานะนักบริหารก็จะบริหารงานให้พี่เก้งค่ะ เราก็คงจะเปิดบริษัทใหม่ ซึ่งรายละเอียดและรูปแบบหรือบริษัทที่จะเกิดขึ้นจะขอแถลงอีกทีในเดือน ธ.ค. นะคะ เพราะคงจะต้องกลับไปจัดการให้เข้ารูปเข้ารอย และดูว่าจะมีใครทำงานอย่างไรบ้างค่ะ เดี๋ยวเดือน ธ.ค. ก็จะขอเชิญนักข่าวอีกสักรอบค่ะ ขอบคุณค่ะ"

เล็ก บุษบา "ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ พวกเราเป็นพวกมองโลกในแง่ดีคิดบวกค่ะ อย่างที่คุณวิสูตรได้พูดไว้นะคะ หวังว่าการที่เรายุติในรูปแบบของจีทีเอช ยังไงก็ตามเราก็ยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ส่วนทางด้านแกรมมี่เราก็ยังดำเนินต่อในการทำภาพยนตร์ต่อไป เพราะเราทุกคนรักหนัง รักการสร้างสรรค์งานนะคะ ในเวลาเดียวกันเราเองก็เริ่มงานมากับทางหับฯ แต่แรก ก็จะดำเนินกันต่อไป ส่วนรูปแบบโครงสร้างบริษัทจะเป็นยังไงคงจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไปนะคะ ฝากข่าวดีถึงคนรักหนังด้วยว่าเราจะมีหนังที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เราทั้งหมดยังเป็นพันธมิตรที่ดี มีโอกาสใดๆ ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้เราก็จะช่วยเหลือกันต่อไป ขอบคุณค่ะ"
นอกจากเรื่องตลาดหลักทรัพย์เป็นจุดเปลี่ยนของบริษัทแล้ว มีเรื่องอื่นอีกไหม?
จินา "เรื่องทัศนคติเป้าหมายและแนวทางการบริหารบริษัท ถ้าเกิดเป็นเรื่องทางธุรกิจ การเข้าตลาดมันต่างนะคะ เพราะอย่างทางหับฯ สู้กับภาวะความกดดันไม่พอค่ะ การที่เราทำธุรกิจในตลาด เราต้องมั่นใจว่าเราพร้อมเพียงพอค่ะ อาจจะยังไม่พร้อมมากในช่วงเวลานี้"
แต่มีการแพลนเปิดบริษัทใหม่ เหมือนเราวางแผนล่วงหน้าแล้ว?
จินา "อ๋อ ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้านะคะ เพียงแต่ว่าเพราะพี่เก้งอยากทำหนังอยู่ พี่มีหน้าที่บริหารสิ่งที่พี่เก้งอยากทำให้มันเป็นรูปร่างเท่านั้นเองค่ะ"
คนที่เป็นแฟนหนังจีทีเอชมีค่อนข้างเยอะ ข่าวออกไปกระทบความรู้สึกรวมถึงแบรนด์ที่สร้างมา 11 ปี และมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน ไม่เสียดายแบรนด์ ไม่เสียดายความรู้สึกของแฟนๆ เหรอ?
เล็ก บุษบา "ก็ถึงบอกว่าเรายังทำกันต่อค่ะ เพียงแต่ไม่ใช่ในชื่อของจีทีเอชค่ะ"
แบบนี้ทางผู้กำกับ นักแสดง จะมีปัญหาแยกเป็น 2 ฝ่ายไหม?
เล็ก บุษบา "ไม่ค่ะ อย่างที่บอกว่าเราเป็นพันธมิตรต่อกันนะคะ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องความสมัครใจของคนทำงานค่ะ"
เรารู้สึกยังไงเมื่อมองไปถึงวันแรกมาจนถึงวันนี้ที่เหมือนแพแตกแล้ว?
วิสูตร "ก็ยังรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกันครับ ผมคิดว่าประสบการณ์ 11 ปีของผมมีค่ามาก ผมภูมิใจผู้ร่วมงานทุกคนที่เรามาร่วมมือกัน ถึงแม้จะมีจุดนี้ แต่ผมคิดว่าไม่ถึงจุดสิ้นสุด เรายังมีจุดที่ต้องเดินต่ออีกเยอะ ผมคิดว่าอุตสาหกรรมต่อจากนี้น่าจะดีกว่าเดิมครับ"
รวมกันเราอยู่มา 11 ปีแล้ว พอแยกกันแล้วจะเป็นยังไงต่อไป?
จินา "จริงๆ มันเป็นเรื่องของทางธุรกิจนะคะ พี่ว่ามิตรภาพยังคงมีอยู่เหมือนเดิมค่ะ เพราะเราอยู่กันมา 11 ปีค่ะ เราฝ่าฟันทำมาด้วยกัน วันนี้สำหรับผู้ชมก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะจีทีเอชก็ยังทำหนังกันอยู่ทั้ง 3 ฝ่ายเลยค่ะ เชื่อว่าจะเห็นความหลากหลาย ผู้ชมจะได้ดูหนังที่มากขึ้นค่ะ ผู้กำกับเองก็เป็นฟรีแลนซ์ค่ะ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทำสิ่งที่เขาชอบ นักแสดงก็เหมือนกันค่ะ วันนี้นักแสดงถึงเซ็นสัญญาก็เซ็นกับนาดาวบางกอกบ้าง จีทีเอชบ้าง นักแสดงมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าหลังจากนี้เขาจะมีชีวิตในการทำงานของเขาอย่างไร เพราะผู้ใหญ่จากทั้งจี ที และเอช เป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือและทำงานร่วมกันมา"
เหมือนว่าตั้งแต่แกรมมี่ทำหนังมามักจะมีปัญหาเป็นระยะ พอทำจีทีเอชแล้วก็น่าจะแข็งแรง?
เล็ก บุษบา "จริงๆ การทำงานมันก็ต้องมีว่าในช่วงเวลานี้ เป้าหมายทิศทางเป็นเช่นไร ที่ผ่านมาเราไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา เพียงแต่ว่าแต่ละช่วงเราควรจะทำงานในวิธีไหนแบบไหนมากกว่าค่ะ".
