th.wikipedia.org

ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง - วิกิพีเดีย

  • ️Sat Nov 25 2017

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ต้นไม้ทอง ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาเลเซียในกัวลาลัมเปอร์

ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง[1] หรือ ต้นไม้ทองเงิน[2] (มลายู: bunga mas dan perak "ดอกไม้ทองและเงิน") หรือบุหงามาศ[3] (มลายู: bunga mas / بوڠا مس "ดอกไม้ทอง") เป็นเครื่องราชบรรณาการที่ประเทศราชของสยามต้องส่งมาถวายพระเจ้าแผ่นดินทุก ๆ สามปี เพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ นอกจากนี้ยังใช้เป็นสิ่งของคารวะของเจ้านายหรือขุนนางถวายต่อพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานพระอิสริยยศหรือบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้น เรียกว่า "พุ่มไม้เงินพุ่มไม้ทอง" บ้างก็พบว่ามีการใช้ต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นเครื่องสักการะถวายเป็นพุทธบูชาในวัด[4]

ใน พ.ศ. 2435 ได้มีการปฏิรูปการปกครองยกเลิกหัวเมืองประเทศราชในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ธรรมเนียมการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการจึงสิ้นสุดลงตามไปด้วย

ประเพณีการถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทอง หรือมูลเหตุในการใช้ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดหรือเพราะอะไร แต่จากหนังสือ สยามประเภท เล่ม 2 ตอนที่ 17 วันที่ 1 สิงหาคม ร.ศ. 118 ของ ก.ศ.ร. กุหลาบ "เรื่องต้นเหตุเมืองแขกมะละกาขึ้นกับไทย" ปรากฏความเกี่ยวกับต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการมาอย่างน้อยก็ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความว่า[4]

"ราว พ.ศ. ๒๐๔๕ ในแผ่นดินพระเจ้าบรมราชามหาพุทธางกูร สยามเป็นไมตรีกับโปรตุเกส โปรตุเกสขอกองกำลังกองทัพเรือไทยไปช่วยตีเมืองมะละกา เพราะชาวมะละกาไปทำร้ายพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่เข้าไปค้าขาย กองทัพเรืออยุธยาตีเมืองมะละกาได้ พระเจ้าแผ่นดินสยามในขณะนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าราชบุตรแขกเมืองมะละกาเป็นเจ้าเมืองสืบแทนพระบิดา ให้มีพระนามว่าจ้าวมะหะหมัดรัตนะรายามหาราช และให้เป็นเมืองประเทศราชถวายดอกไม้เงินทองสิ่งของเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงศรีอยุธยาตามประเพณีที่มีมาแต่โบราณ"

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้ปกครองหัวเมืองประเทศราช อันได้แก่ หัวเมืองมลายู (ไทรบุรี, ปัตตานี, กลันตัน และตรังกานู), หัวเมืองลาวพุงขาว (ล้านช้าง), หัวเมืองลาวพุงดำ (ล้านนา), หัวเมืองเขมร (กัมพูชา) และหัวเมืองกะเหรี่ยง (ตะวันตกของพม่าในปัจจุบัน)[4] ซึ่งประเทศราชเหล่านี้จะต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องบรรณาการมาทุก ๆ สามปี มูลค่าของดอกไม้เงินดอกไม้ทองในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 อาจจะสูงถึงราว ๆ หนึ่งพันดอลลาร์สเปนเลยทีเดียว[5] ทั้งนี้การส่งบรรณาการดังกล่าวไม่มีกฎเกณฑ์ว่ามากน้อยเพียงใดเพราะขึ้นอยู่กับผลิตผลในท้องถิ่น หรือเป็นสิ่งของที่ทางกรุงเทพฯ ที่แจ้งความต้องการไป[4]

ในปี พ.ศ. 2435 ได้มีการปฏิรูปการปกครองยกเลิกหัวเมืองประเทศราชในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ธรรมเนียมการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นบรรณาการจึงไม่ปรากฏอีก ปรากฏครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ พร้อมด้วยเจ้าราชภาคินัย เจ้าน้อยเลาแก้ว เจ้าน้อยสมพมิตร เจ้าน้อยเมืองชื่น และเจ้าน้อยวุฒิวงษ์ เข้าเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2447 และนับเป็นเครื่องราชบรรณาการ งวดสุดท้าย ก่อนจะมีการยกเลิกธรรมเนียมการถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเครื่องราชบรรณาการตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้เหตุผลในการส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เข้าใจว่าเป็นการแสดงการสวามิภักดิ์ และความจงรักภักดีแก่ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่า[4] ขณะที่ พงศาวดารมะโรง มหาวงศ์ ซึ่งเป็นเอกสารของราชสำนักไทรบุรีระบุว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์สมานฉันท์สามัคคีรักใคร่แนบแน่นต่อกัน และเพื่อเป็นของเล่นสนุกสำหรับพระราชโอรส พระราชธิดา[5][6]

ลักษณะของต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ใช้เพื่อเป็นบรรณาการช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ จะมีลักษณะดังต่อไปนี้[4]

  1. ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ต้องจัดเป็นคู่
  2. ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ต้องทำด้วยเงินทองแท้ทั้งต้น
  3. ต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่คู่กันจะมีน้ำหนักเท่ากัน
  4. ต้นไม้เงินต้นไม้ทองทุกต้นจะต้องมี กิ่งก้าน กาบดอก และใบ ครบสมบูรณ์
  5. รูปร่างลักษณะความสูงต่ำของต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่คู่กัน ต้องเหมือนหรือเท่ากัน
  6. หากมีกระถางหรือแจกันรองรับ จะต้องเหมือนกันเป็นคู่กัน
  7. ความสวยงามและความประณีตก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเชิงช่างของแต่ละเมืองนั้น ๆ

ส่วนต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ใช้ในการศาสนาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชามีลักษณะและขนาดเดียวกันกับข้างต้น แต่ต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่เจ้านายและขุนนางใช้คารวะพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระกรุณาสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศหรือบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้นนั้น จะมีลักษณะเดียวกันแต่เป็นขนาดย่อมกว่าเรียกว่า "พุ่มไม้เงินพุ่มไม้ทอง" โดยจะใส่ในแจกันแก้วเจียรนัยหรือแจกันเคลือบก็สุดแต่ฐานะของท่านผู้ได้บรรดาศักดิ์[4]

ในอดีตเมื่อช่วงที่อาณาจักรล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ก็มีธรรมเนียมการส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองไปให้เช่นกัน โดยล้านนาเรียกว่า ดอกไม้คำดอกไม้เงิน ดังปรากฏความว่า "...ในปันนาการของยื่นถวายไหว้สาดอกไม้คำดอกไม้เงินทอง ผ้าขาว หมากเบี้ย ทั้งหลาย..."[7]

  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556, หน้า 453
  2. "พระยากลันตันเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 17 (17): 202. 22 กรกฎาคม ร.ศ. 119.
  3. "บทที่สอง เอกสาร วรรณกรรม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง" (PDF). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สืบค้นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2557.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 สมศักดิ์ ฤทธิ์ภักดี (18 พฤษภาคม 2557). "ต้นไม้ทองต้นไม้เงิน สมัยรัตนโกสินทร์". ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-25. สืบค้นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2557.
  5. 5.0 5.1 อันดายา, บาร์บารา วัดสัน และ อันดายา, ลีโอนาโด วาย. ประวัติศาสตร์มาเลเซีย. มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย, 2549, ISBN 9749377672, หน้า 111 - 112
  6. ประทุม พุ่มเพ็งพันธุ์. พงศาวดารเมืองไทรบุรี. กรุงเทพฯ:เดอะโนว์เลจเซ็นเตอร์. 2550, หน้า 186
  7. สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์. 2552, หน้า 269