th.wikipedia.org

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส - วิกิพีเดีย

  • ️Thu Dec 17 1936

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมเด็จพระสันตะปาปา

ฟรานซิส


Francis
บิชอปเเห่งกรุงโรม
สมณนามFranciscus (ละติน)
เริ่มวาระ13 มีนาคม ค.ศ. 2013
(12 ปี 9 วัน)
องค์ก่อนสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระนามเดิมฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ
ประสูติ17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 (88 ปี)
บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
ข้อมูลอื่น
บวชเมื่อ13 ธันวาคม ค.ศ. 1969
พระอภิไธยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส's signature

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส[1][ก] (อังกฤษ: Francis; ละติน: Franciscus; อิตาลี: Francesco; สเปน: Francisco; พระนามเดิม ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ[a][ข]; ประสูติ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936) เป็นประมุขแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกและประมุขแห่งนครรัฐวาติกันตั้งแต่ ค.ศ. 2013 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากคณะเยสุอิต เป็นพระองค์แรกที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ เป็นพระองค์แรกที่มาจากซีกโลกใต้ และเป็นพระองค์แรกที่มาจากนอกทวีปยุโรป ตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 ซึ่งเป็นชาวซีเรีย ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งบิชอบแห่งกรุงโรมในคริสต์ศตวรรษที่ 8

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประสูติในกรุงบัวโนสไอเรส เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ทรงมีพี่น้อง 5 คน พระชนกเป็นคนงานทางรถไฟ[2] พระองค์ทรงได้รับปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมี จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และทรงเข้าศึกษาที่เซมินารีในย่านบียาเดโบโต พระองค์ได้เป็นปฏิญาณตนเป็นนักบวชคณะเยสุอิตเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2501 และทรงได้รับใบรับรองด้านสาขาวิชาปรัชญา จาก Colegio Máximo San José ต่อมาพระองค์ได้ทรงงานสอนวิชาวรรณกรรมและจิตวิทยาที่ Colegio de la Inmaculada และ Colegio del Salvador

ในปี พ.ศ. 2510 ทรงจบการศึกษา แล้วรับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ทรงทำงานสอนที่มหาวิทยาลัย Facultades de Filosofía y Teología de San Miguel จนดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ทางเทววิทยา

ช่วง พ.ศ. 2516 - 2522 ทรงดำรงตำแหน่งอธิการเจ้าคณะแขวงคณะเยสุอิตในประเทศอาร์เจนตินา แล้วย้ายไปเป็นอธิการเซมินารีซานมีเกลจนถึงปี พ.ศ. 2529

ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

ตราประจำพระองค์

การทูลฮิส โฮลิเนส (ฝ่าพระบาท)
การแทนตนI, I'm,Me (เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน)
การขานรับยัวร์ โฮลิเนส (เกล้ากระหม่อม พะย่ะค่ะ/เพคะ)

บาทหลวงฮอร์เฮ เบร์โกกลิโอ ได้รับการอภิเษกเป็นมุขนายกผู้ช่วยแห่งบัวโนสไอเรสและมุขนายกเกียรตินามแห่งเอากา (Auca) และได้สืบตำแหน่งเป็นอาร์ชบิชอปแห่งบัวโนสไอเรสแทนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541

ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหลายหน่วยงานในสภาปกครองโรมัน ได้แก่

การดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา

[แก้]

เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสละตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 และได้เปิดทางให้มีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จึงได้มีการจัดการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา โดยกำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 หลังจากการลงคะแนนเสียงครั้งที่ 5 โดยพระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวน 115 ท่าน ผลปรากฏว่าพระคาร์ดินัลฮอร์เฮ เบร์โกกลิโอ อาร์ชบิชอปแห่งบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้รับเลือก และทรงเลือกพระนาม "Franciscus" ซึ่งหมายถึงนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี[3][4][5] นับเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาและคณะเยสุอิต[6]

ในวันที่ทรงได้รับเลือกตั้ง สันตะสำนักประกาศว่าพระนามอย่างเป็นทางการของพระองค์คือ "ฟรานซิส" ไม่ใช่ "ฟรานซิสที่ 1" พระองค์จะมีพระนามว่าฟรานซิสที่ 1 ก็ต่อเมื่อในอนาคตมีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่ 2[7]

การเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

[แก้]

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 ณ ห้องประชุมชั้น 11 อาคารรวมจิตเพียรธรรม โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย นำโดยพระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกประเทศไทย (ในขณะนั้น) และอาร์ชบิชอปพอล ชาง อิน-นัม เอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย (ในขณะนั้น) ได้ออกแถลงการ เรื่องสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จะเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามคำทูลเชิญของรัฐบาลไทย เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 350 ปี มิสซังสยาม[8]

สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส เสด็จถึง ณ ท่าอากาศยานทหาร ๒ กองบิน ๖ ดอนเมือง วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 12.30 น. ด้วยสายการบินอาลีตาเลีย (สายการบินประจำชาติอิตาลี) ได้รับการต้อนรับจากคณะพระสังฆราชทั้ง 11 สังฆมณฑล ทรงทำภารกิจหลายประการในประเทศไทย อาทิ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เสด็จฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เสด็จฯ เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ เป็นต้น[9] จนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เสด็จออกจากประเทศไทย โดยเครื่องบินของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเสด็จต่อไปปฎิบัติพระกรณียกิจต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่น[10]

เมื่อทรงพระเยาว์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงได้รับการผ่าตัดนำส่วนหนึ่งของปอดออกเมื่อพระชนมายุ 21 พรรษา เนื่องจากทรงประชวรด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ แม้ว่าการผ่าตัดนี้จะทำให้ปอดของพระองค์มีขนาดเล็กลง แต่แพทย์ยืนยันว่ามิได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพระองค์[11]

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงประสบปัญหาสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว พระองค์มักทรงมีอาการไข้หวัดใหญ่และหลอดลมอักเสบ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีปัญหาเกี่ยวกับเข่าและโรคปวดเส้นประสาท (sciatica) ซึ่งทำให้ต้องใช้รถเข็น วอล์กเกอร์ หรือไม้เท้าในการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยครั้ง

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2023 พระองค์ทรงเข้ารับการผ่าตัดลำไส้และรักษาไส้เลื่อน[11]

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2025 พระองค์ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรม เนื่องจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ แพทย์วินิจฉัยว่าพระองค์ทรงมีอาการปอดบวมทั้งสองข้าง[12] ถึงแม้อาการของพระองค์ยังคงทรงตัวแต่ก็ยังคงรุนแรงและต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด[13] ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 สำนักวาติกันรายงานว่าพระอาการของพระองค์ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต[14]

และวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ 2025 ทีมแพทย์ที่รักษาแถลงอัพเดทอาการป่วยของพระองค์ว่า อาการของพระองค์ยังคงที่ แม้ว่าอาการโดยรวมยังคงมีความซับซ้อน ผลเอ็กซเรย์ปอด ยืนยันว่า อาการของพระองค์ดีขึ้นตามที่หมอสังเกตเห็นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตอนกลางวัน พระองค์ต้องใช้อ็อกซิเจนอัตราการไหลสูง ส่วนกลางคืน พระองค์จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องช่วยหายใจแบบไม่ต้องใส่ท่อ (non-invasive mechanical ventilation) ทั้งนี้ ทีมแพทย์ได้ตัดสินใจยกเลิกการเฝ้าระวังอาการของพระองค์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความซับซ้อนของอาการและการติดเชื้อรุนแรงที่พระองค์ประสบเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พระองค์ยังจำเป็นต้องรักษาด้วยยาในโรงพยาบาลต่อไปอีกระยะหนึ่ง

หมายเหตุ

พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยนิยมสะกดว่า ฟรังซิส[15]

ออกเสียงตามตัวอักษรแบบภาษาสเปนในลาตินอเมริกา : [ˈxoɾxe ˈmaɾjo βeɾˈɣoɣljo] ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ, ออกเสียงดั้งเดิมแบบภาษาอิตาลี: [ˈdʒɔrdʒe ˈmarjo bɛrˈgɔʎːo] จอร์เจ มารีโอ แบร์กอลโย

  1. สเปน: Jorge Mario Bergoglio
อ้างอิง
  1. "ในหลวง-ราชินี มีพระราชสาส์นยินดี'สันตะปาปา'องค์ใหม่". ไทยรัฐ. 15 มีนาคม 2556. สืบค้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2561.
  2. "Pope Francis: the humble pontiff with practical approach to poverty". เดอะการ์เดียน. 13 March 2013. สืบค้นเมื่อ 21 August 2018.
  3. Michael Martinez, CNN Vatican analyst: Pope Francis' name choice 'precedent shattering', CNN (13 March 2013). Retrieved 13 March 2013.
  4. David Batty. "Pope named after Francis of Assisi heralded by gull atop Sistine chimney | World news". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2013-03-13.
  5. "Argentina's Bergoglio becomes Pope Francis – This Just In - CNN.com Blogs". News.blogs.cnn.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-24. สืบค้นเมื่อ 2013-03-14.
  6. "New pope chosen: Argentine Jorge Mario Bergoglio who becomes Pope Francis". CTV News. 13 March 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-11. สืบค้นเมื่อ 21 August 2018.
  7. Emily Alpert, Vatican: It's Pope Francis, not Pope Francis I, Los Angeles Times (13 March 2013). Retrieved 13 March 2013.
  8. https://www.matichon.co.th/education/religious-cultural/news_1668930
  9. "โป๊ปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชมีพระราชดำรัส 'โรมันคาทอลิก-พุทธจักรไทย' แน่นแฟ้นงดงาม". ไทยโพสต์. 21 พ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2563.
  10. https://www.bbc.com/thai/thailand-50527501
  11. 11.0 11.1 "ทันโลก กับ Thai PBS - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงเข้ารับการรักษา..." Thai PBS. มิถุนายน 2023. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2025.
  12. "วาติกันเผยอาการประชวร 'โป๊ปฟรานซิส' ทรงตัว". VOA Thai. 20 กุมภาพันธ์ 2025. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2025.
  13. "วาติกันเผย โป๊ปฟรานซิส มีอาการปอดบวมทั้ง 2 ข้าง อาการยังซับซ้อน". ไทยรัฐ. 18 กุมภาพันธ์ 2025. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2025.
  14. "พระสันตะปาปาป่วยวิกฤต รักษาตัวที่โรงพยาบาลเจเมลลี กุมภาพันธ์ 2025". The Standard. 22 กุมภาพันธ์ 2025. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2025.
  15. "องค์ที่ 266 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส". หอจดหมายเหตุ มิสซังโรมันคาทอลิกกรุงเทพฯ. 2 November 2015. สืบค้นเมื่อ 21 August 2018.