เหรียญโอลิมปิก
- ️Mon Jul 29 2019
ในโอกาสนับถอยหลัง 1 ปี ก่อนโอลิมปิก 2020 จะเริ่มขึ้นในปีหน้า
เจ้าภาพญี่ปุ่น ใช้ช่วงเวลาเคาต์ดาวน์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดตัวเหรียญรางวัลสำหรับโตเกียวเกมส์ ไปด้วยเลย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าญี่ปุ่นยังคงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมีเนื้อหาที่น่าสนใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าสู่เรื่องราวดังกล่าว ขอย้อนกลับไปถึงประวัติศาสตร์เหรียญโอลิมปิก โดยเฉพาะกับโอลิมปิก ฤดูร้อน กันก่อน ซึ่งต้องถอยหลังไปนานหน่อย
ในโอลิมปิกยุคใหม่ครั้งแรก เมื่อปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ของกรีซ ครั้งนั้น นักกีฬาที่ชนะเลิศ ได้รับเหรียญเงินพร้อมกับมงกุฎช่อมะกอก
จากนั้นโอลิมปิก ปี 1904 ที่เซนต์หลุยส์ของสหรัฐฯ นับเป็นครั้งแรกที่มีการแจกเหรียญให้นักกีฬาที่ได้อันดับ 1-3 ด้วยเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง แบบครบถ้วน
ต่อมารูปแบบของเหรียญรางวัลก็เริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ
โอลิมปิก ปี 1928 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ มีการนำภาพเทพีแห่งชัยชนะมาสลักไว้ในด้านหนึ่งของเหรียญ เพื่อมอบให้ผู้ชนะใน 3 อันดับแรก
และนั่นถือเป็นต้นแบบของเหรียญโอลิมปิก ฤดูร้อนเป็นต้นมา
โดยด้านหนึ่งของเหรียญจะเป็นภาพเทพีแห่งชัยชนะ อยู่บนแบ็กกราวด์ที่เป็นสนามกีฬาโอลิมปิก
และมีสัญลักษณ์ของโอลิมปิก วงกลม 5 วงอยู่ด้านบน ส่วนอีกด้านของเหรียญจะเป็นโลโก้ที่เจ้าภาพแต่ละครั้งออกแบบมาแตกต่างกันออกไป
ที่ไปที่มาของเหรียญโอลิมปิกก็จะประมาณนี้
ส่วนเหรียญรางวัลในโอลิมปิก 2020 เจ้าภาพญี่ปุ่นดำเนินการภายใต้แนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
ต้นเรื่องมาจากการที่กรุงโตเกียว เมืองเจ้าภาพ ได้ประกาศขอรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ประชาชนไม่ใช้กันแล้ว ตั้งแต่ปี 2017 เช่น โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า เป็นต้น
ก่อนจะรวบรวมทั้งหมดมาหลอมรวมเป็นเหรียญรางวัลกว่า 5,000 ชิ้น
กลายเป็นเหรียญโอลิมปิกในแบบรีไซเคิล !!!
ในส่วนของดีไซน์เหรียญโตเกียวเกมส์ จะมีลักษณะคล้ายหินแร่ที่ถูกขัดจนมองได้เป็นอัญมณีที่เปล่งปลั่ง ซึ่งสื่อถึงพลังของเหล่านักกีฬาและกองเชียร์
คัดเลือกมาจากผลงานของนักออกแบบมืออาชีพและนักศึกษาด้านการออกแบบกว่า 400 แบบ เลยทีเดียว
เรียกได้ว่า เป็นอีกครั้งที่เหรียญโอลิมปิกมีกระบวนการ มีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
อาศัยเรื่องราวของวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น ที่แม้จะก้าวหน้าทันสมัยด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่ลืมความเป็นไปของโลก ยังคงใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมกันอยู่
ใครได้ไปครอง คงต้องภูมิใจ เป็นแน่แท้ โดยเฉพาะกับนักกีฬาไทยของเรา จะเป็นใครที่ได้ไปคล้องคอ
ต้องติดตามกันให้ดี...
ฟ้าคำราม